ชีวิตช่วงแรก (พ.ศ. 2502–2524) ของ อง_เหม่ยหลิง

ชีวิตวัยเด็ก

อง เหม่ยหลิง ชื่อเล่นของเธอคือ (Niu) นัน นัน เกิดเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2502 ที่เกาลูน เกาะฮ่องกง ในครอบครัวข้าราชการพลเรือน โดยที่พ่อของเธอทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง ที่กรมศุลกากรท่าเรือฮ่องกง หรือ เจ้าหน้าที่กองทัพเรือ (naval officer) [17]บิดาของเธอชื่อว่า องฟู่ [18](Weng Fu) ส่วนมารดาชื่อว่า จางหมิงอี้ (Cheung Ming Yee), ซึ่งครอบครัวของเธอนั้นเป็น คริสเตียน นิกาย คาทอลิก เธอเป็นลูกคนเดียวของครอบครัว ในวัยเด็กของเธอปกติเหมือนครอบครัวทั่วไป เธอชอบการเต้นรำเป็นพิเศษและได้มีโอกาสเรียนบัลเล่ต์ จนกระทั่งพ่อของเธอได้เสียชีวิตลงไป เมื่อเธออายุได้เพียง 7 ปี หลังจากนั้นครอบครัวก็เริ่มประสบปัญหาการเงิน สาเหตุมาจาก องเหม่ยหลิง เป็นลูกนอกสมรสเพราะแม่ของเธอเป็นภรรยาน้อยจึงไม่สามารถเข้าบ้านสามีหรือได้รับสิทธิ์มรดกใด ๆ จากการที่สามีเสียชีวิต ต่อมาไม่กี่ปีแม่ของเธอก็ได้พบรักใหม่กับหนุ่มแซ่ ''เหลียว(廖)'' นามว่า "เหลียวจินถัง" จึงได้แต่งงานกับเขาและเปลี่ยนชื่อแซ่ตามสามีใหม่จาก จางหมิงอี้ เป็น ''เหลียวหมิงอี้'' แทน หลังจากนั้นได้มีโอกาสย้ายตามสามีใหม่ไปทำงานที่ประเทศอังกฤษ จึงจำเป็นต้องฝาก องเหม่ยหลิง ซึ่งมีอายุเพียง 11 ปี ไว้กับลุงเฉินจิง (Chen jing) และญาติที่ฮ่องกงเป็นผู้ดูแล[19][20]

ในช่วงที่เธออาศัยอยู่กับคุณลุง ซึ่งเป็นนักจิตรกร ที่ฮ่องกงนั้น อง เหม่ยหลิง เป็นเด็กเรียนดี แต่เธอไม่ค่อยขยันนัก วิชาที่ได้คะแนนดีกว่าวิชาอื่นๆ คือวิชาวิทยาศาสตร์ แถมเธอยังมีนิสัยเหมือนเด็กผู้ชายเป็นอย่างมากทั้ง ห้าว ทั้งซุกซน และรักอิสระ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเธอเกลียดการนุ่งกระโปรง จนคุณลุงของเธอกลัวว่าเมื่อเธอเติบโตขึ้น จะกลายเป็น ทอมบอย จึงได้พยายามสอนเกี่ยวกับทางด้านศิลปะและให้ความรู้ ทางด้านทฤษฎีกับเธอบ้าง เพื่อทำให้เธอมีความรักสวยรักงามมากขึ้น ซึ่งอิทธิพลเหล่านี้จากคุณลุงได้ส่งผลให้เมื่อเธอเข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี เธอจึงเลือกเรียนทางด้านศิลปะเพราะเธอใฝ่ฝันอยากจะทำอาชีพทางด้านนี้[21][22]

ความรักในช่วงวัยรุ่น

ความรักครั้งแรกของ อง เหม่ยหลิง ได้เกิดขึ้น เมื่อเธออายุประมาณ 14 ปี เธอได้พบรักครั้งแรก ที่ วัดคาทอลิก กับเด็กหนุ่มวัยใกล้เคียงกันทั้งคู่ได้พบรักกันหลังจากนมัสการพระเจ้า ต่อมาเธอถึงได้รู้ว่าเด็กหนุ่มคนนั้นเป็นพี่ชายเพื่อนสนิทของเธอเองเธอเคยให้สัมภาษณ์ทางสถานีโทรทัศน์ ว่าเป็นแค่ความรักแบบเด็ก ๆ ใส ๆ บริสุทธิ์ และไม่มีอะไรเกินเลย หรือที่เรียกว่า ป๊อปปี้ เลิฟ เท่านั้นเอง ทั้งคู่ได้คบหากันเพียงช่วงระยะเวลาสั้น ๆ สาเหตุเพราะต่อมาเมื่อเธออายุได้ 15 ปี ทั้งเขาและเธอต่างแยกย้ายไปเรียนต่อ แฟนคนแรกของเธอต้องไปเรียนต่อที่ประเทศ แคนาดา ส่วนเธอต้องเดินทางไปเรียนต่อที่ประเทศ อังกฤษ [23]

ความรักครั้งที่ 2 ในปี 2519 เมื่อ อง เหม่ยหลิง อายุ 17 ปี ได้พบรักกับหนุ่มชาวต่างชาติที่ชื่อว่า " ร๊อป เรดเบาด์" (Rob Radboud) โดยความสัมพันธ์ครั้งนี้ นั้นเป็นความรักแบบลึกซึ้ง ได้เริ่มต้นขึ้นเมื่อเธอได้เข้าไปศึกษาต่อใน วิทยาลัยศิลปะและเทคโนโลยีแห่งเคมบริดจ์ ประเทศอังกฤษ จนได้พบกับ ร็อบ ที่เป็นนักศึกษาเช่นเดียวกัน ทั้งคู่รักกันมากและคบหากันอยู่หลายปี แต่ความรักครั้งนี้ของเธอต้องฟันฝ่าอุปสรรคเป็นอย่างมาก สาเหตุเพราะคุณแม่ของเธอกีดกันและไม่เห็นด้วยกับความรักในครั้งนี้ของทั้งคู่ อีกทั้งนานวันเข้า อง เหม่ยหลิง กลับพบว่า ทั้งเขาและเธอต่างมีมุมมองการใช้ชีวิตที่แตกต่างกัน จนกระทั่งปลายปี พ.ศ. 2524 ทั้งคู่ได้ตัดสินใจยุติความสัมพันธ์และเลิกลากันไป หลังจากนั้นก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย[24]

การศึกษา

ในช่วงที่เธอศึกษาอยู่ที่ โรงเรียนนานาชาติคาทอลิก โรซารี่ ฮิว (Rosaryhill School) ซึ่งเป็นโรงเรียนคริสเตียนนิกายคาทอลิกแห่งหนึ่ง ที่ตั้งอยู่ในย่านหว่านไจ๋ (Wan Chai) ที่ฮ่องกง ในช่วงที่เรียนอยู่ที่นั้นเธอเก่งทางด้านวิทยาศาสตร์เป็นอย่างมากและได้เกรด A ในวิชาวิทยาศาสตร์มาโดยตลอด ซึ่งตอนแรกเธอตั้งใจไว้ว่าเมื่อศึกษาจนจบชั้นมัยธมปีที่6 แล้วเธอจะเข้าเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยฮ่องกง คณะแพทยศาสตร์โดยทันที เพราะเธออยากเป็นหมอ แต่ในช่วงปลายปี พ.ศ. 2517 เอกสารการเป็นผู้ติดตามไปอยู่ที่ประเทศอังกฤษก็ได้รับการอนุมัติขึ้นมา ทำให้เธอจบการศึกษาระดับชั้นมัธยมปีที่ 4 ในฮ่องกง และต้องย้ายตามไปอยู่กับแม่ที่ประเทศอังกฤษทันที เธอได้อาศัยอยู่ในสหราชอาณาจักรเป็นเวลานานถึง 8 ปี ในช่วงปีแรกที่เธอมาถึงสหราชอาณาจักรครอบครัวของเธอได้อาศัยอยู่ในเขตย่าน "เบิรก์คิงไซด์" (Barkingside) อยู่ในเมืองอิลฟอร์ด (Ilford) ซึ่งเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของกรุงลอนดอน แฟนหนุ่มคนแรกของเธอที่เคยคบหาตอนอยู่ในฮ่องกงด้วยกันซึ่งต่อมาเขาได้ย้ายไปเรียนต่อที่ประเทศแคนาดานั้น เขาได้มีโอกาสบินจากแคนาดาไปเยี่ยมเธอถึงสองครั้งด้วยกันในช่วงปิดเทอม แต่ต่อมาทั้งคู่ต้องเลิกกันสาเหตุเพราะทั้งคู่ยังเด็กเกินไปและมีอุปสรรคในการเดินทางเพราะอยู่กันคนละประเทศ ต่อมาครอบครัวของเธอก็ได้ย้ายไปอยู่ที่เมืองเคมบริดจ์ (Cambridge) ในย่านฮิสตัน (Histon) โดยเธอเริ่มศึกษาต่อที่โรงเรียนมัธยมศึกษา วาเลนไทน์ไฮสคูล แห่งอิลฟอร์ด (Ilford Valentines High School) ในระดับ GCE O และผ่านระดับ O-Level (ม.6) และในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ได้มีการไปช่วยกิจการที่ร้านอาหาร fish and chips shop จากนั้นได้เข้าศึกษาต่ออีก 2 ปี ในหลักสูตรปรับพื้นฐาน ที่วิทยาลัยศิลปะและเทคโนโลยีเคมบริดจ์ (Cambridgeshire College of Arts and Technology หรือ CCAT) ปัจจุบันได้เปลี่ยนไปใช้ชื่อว่า มหาวิทยาลัยแองเกลียรัสกิน (Anglia Ruskin University)

ต่อมา เธอได้ไปศึกษาต่อที่ ลอนดอน เป็นเวลา 4 ปี ในสาขาศิลปะการออกแบบสิ่งทอที่ "สถาบัน เซ็นทรัลสคูล ออฟ อาร์ท แอนด์ดีไซน์" (Central School of Art and Design ของ "มหาวิทยาลัยศิลปะแห่งลอนดอน" (University of the Arts London) ที่ประเทศอังกฤษในช่วงที่ศึกษาที่นี้ เธอเองได้มีโอกาสเข้าร่วมประกวด นางงามไชน่าทาวน์ (Miss British Chinese 1980) และสามารถคว้ามงกุฎรองอันดับ 1 มาครอง (อ้างอิงจาก)[25][26][27][28]

  • จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาชั้นปีที่ 4 ที่ โรงเรียนนานาชาติ โรซารี่ฮิว (Rosaryhill School) ที่ฮ่องกง
  • จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาชั้นปีที่ 6 ที่โรงเรียนมัธยมศึกษา "วาเลนไทน์ไฮสคูล" แห่งอิลฟอร์ด (Ilford Valentines High School) และผ่านระดับ O-Level (ม.6)
  • จบการศึกษาระดับ อนุปริญญา หลักสูตรปรับพื้นฐานเพื่อเรียนต่อในระดับปริญญาตรี หรือ Foundation Program ที่วิทยาลัยศิลปะและเทคโนโลยีเคมบริดจ์ (CCAT) ปัจจุบันได้เปลี่ยนไปใช้ชื่อว่า "มหาวิทยาลัยแองเกลียรัสกิน" (Anglia Ruskin University)
  • จบการศึกษาระดับปริญญาตรี คณะ ศิลปศาสตร์ สาขา ศิลปะการออกแบบสิ่งทอ จาก "สถาบันการออกแบบ เซ็นทรัลสคูล ออฟ อาร์ท แอนด์ดีไซน์" (Central School of Art and Design) ซึ่งปัจจุบันเป็นหนึ่งในหกสถาบันหลักในเครือของ มหาวิทยาลัยศิลปะแห่งลอนดอน (University of the Arts London) ที่ประเทศอังกฤษ

แหล่งที่มา

WikiPedia: อง_เหม่ยหลิง http://www.jomyut.club/index.php/news-update/enter... http://www.360doc.cn/article/7986_246877.html http://m.8794.cn/baoliao/2014/8360_4.html http://m.artsuniversity.com.cn/mobile/big5/school-... http://media.people.com.cn/n1/2016/0618/c40606-284... http://blog.sina.com.cn/s/blog_62485ccd0100i69o.ht... http://ent.sina.com.cn/r/i/2005-05-13/1343722941.h... http://www.china.org.cn/top10/2011-07/21/content_2... http://blog.sina.cn/dpool/blog/s/blog_702798e30102... http://blog.sina.cn/dpool/blog/s/blog_936c483b0102...